วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

อินเทอร์เน็ต(internet)

INTERNET
อินเทอร์เน็ต

อินเทอร์เน็ต (Internet) มาจากคำว่า Interconnection Network หมายถึง "เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก โดยใช้โปรโตคอล (Protocol ) เป็นมาตรฐานในการติดต่อสื่อสาร
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ : โปรโตคอล ชุดของกฎหรือข้อตกลงในการแลกเปลี่ยนข้อ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมแต่ละเครื่องสามารถรับ-ส่งข้อมูลระหว่างกันได้ถูกต้อง
อินเทอร์เน็ต : ประวัติ
อินเตอร์เน็ตพัฒนาขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1969 ในยุคสงครามเย็นระหว่าง สหรัฐกับสหภาพโซเวียต ที่แข่งขันกันพัฒนอาวุธนิวเคลียร์ โซเวียตส่งดาวเทียมดวงแรกสู่ห้วงอวกาศอเมริกาจึงเริ่มพัฒนาเครือข่ายสื่อสารทางทหารชื่อ ARPANET ขึ้นโดยออกแบบระบบให้เหมือนร่างแหที่กระจายไปทั่ว ให้มั่นใจว่าหากถูกถล่มด้วยระเบิดนิวเคลียร์ เครือข่ายก็จะไม่ถูกตัดขาด ยังมีทางส่งข้อมูลอ้อมไปได้มีการเชื่อมต่อผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์
ที่เชื่อมอยู่เดิมมากขึ้นเป็นลำดับISP (Internet Service Povider) เก็บค่าบริการต่างกันขึ้นอยู่กับการเชื่อมต่อ ความเร็ว เวลาการใช้งาน
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2529 อาจารย์กาญจนา กาญจนสุต จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย (AIT) ร่วมกับอาจารย์โทโมโนริ คิมูระ จากสถาบันเดียวกัน ร่วมสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยอาศัย
- โมเด็ม NEC ความเร็ว 2400 Baud
- เครื่องคอมพิวเตอร์พีซี NEC
- สายโทรศัพท์ทองแดง
baud
ตั้งชื่อตามวิศวกรและผู้ประดิษฐ์โทรเลขชาวฝรั่งเศส ชื่อว่า ยังมอริส - อีมิล โบด็อท (jean - Maurice - Emile Baudot)ปัจจุบันใช้วัดความเร็วของการถ่ายทอดสัญญาณของโมเด็ม (modemต่อมาเปลี่ยนไปใช้
บริการไทยแพค ผ่านการหมุนโทรศัพท์ไปยังการสื่อสารแห่งประเทศไทย ทำการรับส่งอีเมล์กับมหาวิทยาลัยโตเกียวมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น และบริษัท UUNET ที่เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกาอาจารย์กาญจนา กาญจนสุต
เป็นผู้เริ่มใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์รายแรกของประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2531 มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเซีย เป็นศูนย์กลางของประเทศไทยเชื่อมโยงแม่ข่ายไปที่มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น ตั้งชื่อโครงการนี้ว่า TCSNet(Thai Computer Science Network) มีการติดต่อผ่านเครือข่ายวันละ 2 ครั้ง จ่ายค่าใช้จ่ายปีละ 4 หมื่นบาท และใช้ซอฟต์แวร์ SUNIII
ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ UNIX ที่แพร่หลายในออสเตรเลีย(Australian Computer Science Network - ACSNet
ปัจจุบัน UUNet
เป็น ISP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเครือข่ายทั่วสหรัฐ
ให้บริการ connection ตั้งแต่ 28.8 Kbps ถึง 155 Mbps
และยังเชื่อมต่อไปยังทวีปยุโรป เอเชีย และ ออสเตรเลียด้วย รวมๆ แล้ว UUNet บริการ Internet ถึง 114 ประเทศ พ.ศ. 2534 อาจารย์ทวีศักดิ์ กออนันตกูลอาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ได้จัดตั้งศูนย์อีเมล์แห่งใหม่ ใช้โมเด็ม 14.4 Kbps ซึ่งเร็วที่สุดในประเทศไทยในขณะนั้น) ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเครื่อง Munnari ของออสเตรเลีย กับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศผ่านโปรแกรม UUC
การให้บริการอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยได้เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ เดือน มีนาคม พ.ศ. 2538
โดยความร่วมมือของรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง เป็นบริษัทถือหุ้นระหว่างการสื่อสารแห่งประเทศไทย องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยให้บริการในนาม
บริษัท อินเทอร์เน็ต ประเทศไทย (Internet Thailand
ปัจจุบันมีองค์กรคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติหรือ กทช. ทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม
โดยเสียค่าธรรมเนียมในอัตราที่ถูก ผู้ให้บริการสามารถพัฒนาคุณภาพบริการให้สูงที่สุดและในราคาถูกที่สุดได้ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในประเทศไทยอินเทอร์เน็ต ในอดีตการเข้าถึงโครงข่ายใช้คอมพิวเตอร์ต่อผ่านโทรศัพท์บ้าน ผ่านโมเด็มเป็นอุปกรณ์โทรฯเรียกเข้าศูนย์ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider: ISP) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า Dial Up คิดค่าบริการเป็นชั่วโมง
ส่วนประกอบของการเชือมต่อ
1. คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ( PC: Personnel computer)
2. หมายเลขโทรศัพท์พื้นฐาน
3. โมเด็ม ( Modem )
4. ชั่วโมงอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP)
โมเด็ม (Modulator Demodulator : Modem)มีหน้าที่แปลงสัญญาณข้อมูล จากดิจิทัลให้เป็นอนาลอกและส่งผ่านสายโทรศัพท์ไปยังปลายทาง ด้วยความเร็ว 56 Kbps ค่าใช้จ่ายมีเพียงค่าโทรศัพท์ครั้งละ 3 บาทและค่าบริการอินเทอร์เน็ตชั่วโมงละประมาณ 3-12 บาท ปลายศตวรรษที่เทคโนโลยีโมเด็มได้ถูกพัฒนาความเร็วเพิ่มขึ้น
ด้วยเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูล (Data Compression) สามารถส่งความเร็วได้สูงถึง 56 kbps ภายใต้ข้อจำกัดอัตราการรับส่งข้อมูลของโครงข่ายสายทองแดงเดิมที่มีอยู่ทั่วโลก
DSL ย่อมาจาก Digital Subscriber Lineคือเทคโนโลยีโมเด็ม ที่ทำให้คู่สายทองแดงธรรมดา
ให้กลายเป็นสื่อสัญญาณดิจิตอล ความเร็วสูง ทำให้เราสามารถส่งข้อมูล ในขณะเดียวกับการใช้งานโทรศัพท์ได้
ขณะนี้เทคโนโลยี ADSL เป็นเทคโนโลยีที่ผู้ให้บริการเลือกใช้มากที่สุด เพราะเป็นเทคโนโลยีที่มี ความเร็วสูง และระยะทางที่ทำงานได้ค่อนข้างไกล ซึ่งเหมาะสม ที่จะนำมาประยุกต์ใช้
ADSL ย่อมาจาก
Asymmetric Digital Subscriber Line
คือ เทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง บนข่ายสายทองแดง มีลักษณะสำคัญคืออัตราการเร็วในการรับข้อมูล (Downstream) และอัตราการเร็วในการส่งข้อมูล (Upstream) ไม่เท่ากัน โดยมีอัตรารับข้อมูลสูงสุดที่ 8 Mbps. และอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดที่ 1Mbps โดยระดับความเร็วในการ รับ-ส่ง ข้อมูลจะขึ้นอยู่กับ ระยะทาง และคุณภาพของคู่สายนั้นๆ
VDSL ย่อมาจาก
Very High Speed Digital Subscriber Line
หรือ Very High Bit Rate Digital Subscriber Line
เป็นเทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลผ่านสายแบบดิจิตอลที่มีความเร็วสูงที่สุดในกลุ่ม DSL คือ สามารถทำความเร็ว
ได้มากถึงกว่า 50 เม็กกะบิตต่อวินาที ในทางทฤษฎี
โดยพื้นที่ให้บริการห่างจากตู้ชุมสายไม่เกิน 1.5 กิโลเมตร
จึงจะสามารถทำความเร็วได้สูงสุด หากระยะห่างออกไป ความเร็วจะแปรผันตามระยะทาง
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสื่ออื่นๆนอกจากนั้นยังมีการเชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงผ่านข่ายสายไฟฟ้า (Broadband Power Line) ล่าสุดผู้ให้บริการไฟฟ้าทั้งสามแห่งได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมจาก กทช. ให้สามารถให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านสายไฟฟ้าในประเทศได้
ต่อมาเทคโนโลยีไร้สายเริ่มแพร่หลายในวงการโทรคมนาคมโดยเริ่มจากการใช้ WiFi รู้จักกันในนาม iPSTAR
เรียกได้ว่าเป็นดาวเทียมแบบ interactive ดวงแรก รู้จักกันในนาม iPSTAR เรียกได้ว่าเป็นดาวเทียมแบบ interactive ดวงแรกสภาพตลาดบริการอินเทอร์ปัจจุบันมีคนไทยใช้ อินเทอร์เน็ต ประมาณ 10 ล้านคน
บริการค้นหาข้อมูลผ่านเครือข่าย WWW (World Wide Web)
ลักษณะของการแสดงผลในรูปของ Hypertext Links ซึ่งเป็นวิธีการที่จะเชื่อมโยงข้อมูลจากเอกสารหนึ่งไปยังเอกสารอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก
โปรแกรมค้นดูเว็บ (Web Browser ) โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์จะทำงานโดยดึงข้อมูลซึ่งจัดเก็บอยู่
ในรูปแบบที่เรียกว่า HTML (HyperText MarkupLanguage) มาจากเว็บเซิร์ฟเวอร์และแความหมายของรูปแบบข้อมูล ที่ได้กำหนดเอาไว้เพื่อนำเสนอแก่ผู้ใช้
Microsoft Internet Explorer (IE) เป็นเว็บเบราว์เซอร์ ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุด ผลิตโดย บริษัท Microsoft มีประสิทธิภาพสูงตั้งแต่ windows 95 เป็นต้นไป
Plawan Browser
แต่มีความสะดวกในการใช้งานมากกว่าทั้งนี้เนื่องจากเมนู การใช้งานสามารถสลับภาษาภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้
โฮมเพจ เว็บเพจ และเว็บไซต์ (home page , web page และ web site)
web page หน้าเอกสารที่เป็นกระดาษแต่ละหน้า
home page หน้าแรกที่ผู้ใช้จะพบเมื่อเรียกเข้าไปยัง เว็บไซต์ใด
Web Site โฮมเพจและเว็บเพจหลาย ๆ หน้า ของหน่วยงานเดียวกัน
เว็บเซิร์ฟเวอร์ (web server) คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลทุกอย่างที่แสดงผลในเว็บไซต์ ในรูปแบบของเอกสาร HTML
วัตถุประสงค์ในการใช้อินเทอร์เน็ต
1.เพื่อการสื่อสาร (communication)
2.เพื่อข้อมูลข่าวสาร
3.เพื่อความบันเทิง (entertainment)
4.เพื่อดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ (business)ระบบการแทนชื่อในอินเทอร์เน็ต

การเรียกชื่ออินเทอร์เน็ต มี 3 ระดับดังนี้
1. IP Address (Internet Protocol Address)
2. DNS (Domain Name System)
3. URL (Uniform Resource Locator

IP Address เป็นหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะเป็นหมายเลขให้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ เชื่อมโยงถึงได้ แต่หมายเลขจำยาก จึงเทียบเคียงเป็นตัวอักษร
Domain Name Syst คือ ระบบการแทนหมายเลขไอพีของเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยชื่อที่สื่อความหมายและเข้าใจได้ง่าย
โดเมนเนมระดับสูงสุด (top level domain คือส่วนที่อยู่ตำแหน่งขวาสุด เป็นส่วนที่บอกชื่อ
ประเทศและลักษณะขององค์กร แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม * โดเมนเนมระดับสูงสุดที่บอกถึงประเทศเจ้าของโดเมน
• โดเมนเนมระดับสูงสุดที่บอกถึงประเภทของ องค์กรเจ้าของโดเมน

ชื่อโดเมน ชื่อเต็ม ประเภทองค์กร/หน่วยงาน ตัวอย่าง
.com Commercial กลุ่มธุรกิจการค้า www.msn.com
.edu Education สถาบันการศึกษา www.ucla.edu
.gov Government หน่วยงานรัฐบาล www.nasa.gov
.mil Military หน่วยงานทางทหาร www.army.mil
.net Networking หน่วยงานที่เกี่ยวกับเครือข่าย www.isp.net
.org Non-commercial องค์กรที่ไม่แสวงหากำไร www.un.org

โดเมนเนมระดับรอง (second level domain)
ใช้คู่กับโดเมนเนมระดับสูงสุดที่บอกชื่อประเทศ เพื่อระบุประเภทขององค์กรเหล่านั้น
โดเมนเนมระดับที่สาม (third level domain)
เป็นส่วนของโดเมนที่ระบุชื่อขององค์กร เช่น dpu.ac.th nectec.or.th ais.co.th navy.mil.th
เป็นต้น
URL (Uniform Resource Locator)
เป็นหลักการกำหนดชื่ออ้างอิงของทรัพยากรต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน
เครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถบ่งบอกชื่อหรือแอดเดรสของ
เครื่องคอมพิวเตอร์ในเครือข่าย และโปรโตคอลที่ใช้งาน
Hyper Text Transport Protocol (HTTP)
กฎเกณฑ์การส่งไฮเพอร์เท็กซ์ (เอชทีทีพี)
มาตรฐานอินเทอร์เนตที่สนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูล
บนเวิลด์ไวด์เว็บ โดยการกำหนดที่ตั้งทรัพยากรที่สอดคล้องกัน รวมถึงแฟ้มที่เข้าถึงได้ในกฎเกณฑ์การถ่ายโอนแฟ้ม (File Transfer Protocol : FTP)
กฎเกณฑ์การส่งไฮเพอร์เท็กซ์
ให้ผู้เขียนเว็บสามารถฝังจุดเชื่อมโยงหลายมิติ (hyperlink) ในเอกสารในเว็บได้ เมื่อคลิกแล้ว จุดเชื่อมโยงจะเริ่มกระบวนการถ่ายโอนข้อมูลซึ่งเข้าถึงและค้นคืนเอกสารให้โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องทำสิ่งใด
ภาษา HTML (Hyper Text Markup Language) เป็นภาษาคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นภาษาในเชิงการบรรยายเอกสารแบบไฮเปอร์มีเดีย (hypermedia document description language)
host
แม่ข่าย , แม่งาน คอมพิวเตอร์เครื่องใดๆ ในอินเทอร์เน็ตที่สามารถทำงานเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดในการถ่ายโอน
วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแบบต่างๆ *การเชื่อมต่อแบบหมุนโทรศัพท์ ( Dial up connection

โปรแกรมค้นหา (Search Engine)
โปรแกรมค้นหาแบบศัพท์ดัชนี (Index Search Engine)
โปรแกรมค้นหาแบบศัพท์อิสระ (Keyword Search Engine)
โปรแกรมค้นหาแบบหลายโปรแกรม (Meta Search Engine)
บัญชีรายชื่อเว็บไซต์(Web Directory
เป็นเครื่องมือช่วยค้นหาข้อมูลหรือเว็บเพจ,เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่ค้นหาข้อมูล รูปภาพ หรือเว็บเพจ ในรูปแบบเท็กซ์ หรืออื่นๆ เป็นโปรแกรมที่คอยอ่านข้อมูลแต่ละหน้าหรือเว็บเพจจากเว็บไซต์ต่าง ๆ จากนั้นจึงนำเว็บเพจที่อ่านได้มาทำดัชนีเก็บไว้โดยอัตโนมัติเป็นโปรแกรมค้นหาที่ใช้โรบอท สไปเดอร์ หรือ ครอเลอร์ เข้าไป
สำรวจข้อมูลในส่วนที่ผู้จัดทำเว็บไซต์กำหนดให้เป็นคำค้น จากเอกสาร HTML ในเว็บต่างๆ เพื่อนำคำเหล่านั้นมาจัดทำเป็นฐานข้อมูลที่ใช้สำหรับสืบค้น เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการค้นหาสารสนเทศด้วยศัพท์ดัชนีที่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
โปรแกรมค้นหาแบบศัพท์อิสระ (Keyword Search Engine)
เป็นโปรแกรมค้นหาทำหน้าที่เข้าไปอ่านหน้าของเอกสารของเว็บต่างๆแล้วนำคำสำคัญที่ปรากฏอยู่ในแต่ละหน้ามาจัดทำเป็นฐานข้อมูลโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้ป้อนคำค้น โปรแกรมจะค้นคืนสารสนเทศจากคำหรือข้อความที่ตรงกับคำค้นนั้น ๆ มาแสดงและลิงค์ไปถึงได้
โปรแกรมค้นหาแบบหลายโปรแกรม (Meta Search Engine)
โปรแกรมค้นหาแบบหลายโปรแกรม (Meta Search Engine) โปรแกรมประเภทนี้ไม่มีการจัดทำฐานข้อมูลเป็นของตนเองแต่จะไปดึงเอาข้อมูลจากฐานข้อมูลอื่น ๆ มาแสดงผล
ค้นจากบัญชีรายชื่อเว็บไซต์ (Directory)
เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมรายชื่อของเว็บอื่น ๆ มาจัดหมวดหมู่ตามเนื้อหาในเว็บไซต์นั้น ๆ โดยจะมีเจ้าหน้าที่คัดเลือกและพิจารณาจัดหมวดหมู่ของเว็บไซต์เหล่านั้น ข้อดีก็คือ จะทำให้สามารถเลือกเฉพาะเว็บไซต์ที่มีคุณภาพดีมารวบรวมไว้ได้
ตัวอย่างของ webที่ให้บริการบัญชีรายชื่อเว็บไซต์ได้แก่ www.yahoo.com www.looksmart.com www.sanook.com www.hunsa.com

การค้นหาข้อมูลด้วย
search engine

ทคนิคการค้นหาโดยใช้คำสำคัญ (keyword)
1. คำสำคัญที่เป็นภาษาไทย
2. คำสำคัญที่เป็นภาษาอังกฤษ
3. คำสำคัญที่มีทั้ง 2 ภาษาปนกัน

คำสำคัญที่เป็นภาษาไทย ต้องการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ นักคณิตศาสตร์ คำสำคัญอันดับแรก ก็คือ นักคณิตศาสตร์ แต่อาจดูกว้างไป และผลการค้นหาก็มากเกินไปหลายสิบหน้า ดังนั้นจึงต้องจำกัดผลการค้นหาให้แคบลงช่นต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ นักคณิตศาสตร์ชาวกรีก คำสำคัญที่ใช้ได้แก่ นักคณิตศาสตร์ และคำว่า กรีก
จะได้ผลการค้นหาจำนวนน้อยลง ง่ายที่เราจะเลือกลิงค์ที่ต้องการได้

2) คำสำคัญที่เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าต้องการข้อมูลเกี่ยวกับ นักคณิตศาสตร์ชาวกรีกเป็นภาษาอังกฤษ คำสำคัญ 2 คำแรก อาจใช้ greek mathematician และถ้าใช้เครื่องหมาย “ ” คร่อมระหว่างคำสำคัญคู่ใดๆ
ผลการค้นหาจะแตกต่างกัน“greek mathematician

3)คำสำคัญที่เป็นภาษาไทยปนภาษาอังกฤษ เช่น ต้องการเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่อง ไฟฟ้ากระแส
คำสำคัญที่ใช้ได้ เช่น1) ไฟฟ้ากระแสตรง “direct current” 2) “direct current” ไฟฟ้า กระแสตรง
“direct current” เนื้อหา ฯลฯ
การใช้คำสำคัญในทางตรรกศาสตร์ คำในวิชาตรรกศาสตร์ที่ใช้ได้แก่ AND OR NOT
วิธีการใช้งาน มีดังนี้
1. AND ใช้เมื่อต้องการให้ผลประกอบด้วยคำสำคัญที่อยู่ติดว่า AND ทั้คำ เช่น “chemistry” AND “atomic theory”
หมายความว่าให้ค้นหาข้อมูลที่มีคำว่า chemistry และคำว่า atomic theory ทั้ง 2 คำอยู่ในเอกสารเดียวกัน
การใช้คำสำคัญในทางตรรกศาสตร์ คำในวิชาตรรกศาสตร์ที่ใช้ได้แก่ AND OR NOT
2. OR ใช้เมื่อต้องการให้ผลการค้นหา
3. การใช้คำสำคัญในทางตรรกศาสตร์
คำในวิชาตรรกศาสตร์ที่ใช้ได้แก่ AND OR NOT NOT ใช้เมื่อต้องการให้ผลการค้นหาประกอบด้วยคำสำคัญที่อยู่หน้าคำว่า NOT แต่ไม่ต้องค้นหาคำที่อยู่หลังคำว่า NOT

เลี่ยงการใช้คำค้นหาที่เป็นคำเดี่ยวๆ หรือเป็นคำที่มีตัวเลขปน แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้ใส่เครื่องหมายคำพูด (" ") ลงไปด้วย เช่น "windows 98"
ใช้เครื่องหมาย + และ - เพื่อช่วยในการค้นหา
โดย + ใช้กับคำที่ต้องการใช้ในการค้นหา และ - ใช้กับคำทีไม่ต้องการในการค้นหา ครื่องหมาย "+" หมายถึง การระบุให้ผลลัพธ์ของการค้นหาต้องมีคำนั้นปรากฏอยู่ในหน้าเว็บเพจ


การใช้เครื่องหมายบวกต้องพิมพ์ติดกับคำหลักเสมอ ไม่ควรมีช่องว่างระหว่างเครื่องหมายบวกกับคำหลัก
เช่น +เศรษฐกิจ +การเมือง หมายถึง หน้าเว็บเพจที่ค้นได้จะปรากฏคำว่า "เศรษฐกิจ" และ "การเมือง" อยู่ในหน้าเดียวกันทั้งสองคำ
การใช้งานต้องอยู่ในรูปของ A -B หรือ +A -B โดย A และ B เป็นคำหลักที่ต้องการค้นหา
ตัวอย่าง +มะม่วง -มะม่วงอกร่อง -มะม่วงน้ำดอกไม้
หมายถึง หน้าเว็บเพจที่พบจะต้องปรากฏคำว่า "มะม่วง"
แต่ต้องไม่ปรากฏคำว่า "มะม่วงอกร่อง" และ "มะม่วงน้ำดอกไม้" อยู่ในหน้าเดียวกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น